การดูแลหลังผ่าตัดสำหรับผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่ใส่หลอดสวนฟอกไตชนิดกึ่งถาวร เพื่อใช้สำหรับฟอกเลือด
“หลอดสวนชนิดถาวร” สำหรับฟอกเลือด
เป็นหลอดสวนที่ใช้เป็นทางนำเลือดเข้าและออกจากร่างกายโดยต่อสายเชื่อมเข้ากับเครื่องไตเทียม
หลอดสวนชนิดถาวรอาจมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า หลอดสวนชนิดกึ่งถาวร
หลอดสวนชนิดนี้ออกแบบมาเพื่อให้สามารถใช้ได้นานโดยทำจากวัสดุที่มีความนุ่มและโค้งงอได้ง่าย ไม่มีปฏิกิริยากับร่างกาย บริเวณกลางของตัวสายจะมีปลอกลักษณะคล้ายฟองน้ำพันหุ้มตัวสายขนาดกว้างประมาณครึ่งเซนติเมตร
ซึ่งทำหน้าที่เกาะยึดกับเนื้อเยื่อที่อยู่รอบๆ สามารถป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าตามทางออกของหลอดสวนเข้าสู่กระแสเลือดทำให้ใช้ได้นาน โอกาสเกิดการติดเชื้อต่ำ อายุการใช้งานโดยเฉลี่ยประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี แต่ในบางรายอาจใช้ได้นานหลายปี ขึ้นอยู่กับการควบคุมอาหาร และการรักษาความสะอาด หลีกเลี่ยงการถูกน้ำบริเวณพลาสเตอร์ปิดแผล
ข้อบ่งชี้ในการใช้หลอดสวนชนิดถาวร
-
ผู้ป่วยที่ไม่สามารถทำผ่าตัดหลอดเลือดจริงบริเวณแขนได้เนื่องจากหลอดเลือดมีขนาดเล็กมาก
-
ผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดหลอดเลือดจริงที่แขนแล้ว แต่ระยะเวลายังไม่ถึง 6-8 สัปดาห์หลอดเลือดจึงยังไม่แข็งแรงที่จะสามารถใช้ฟอกเลือดได้
-
ผู้ป่วยสูงอายุมากๆ และมีโรคประจำตัวเรื้อรังหลายโรค เช่น โรคหัวใจ
ตำแหน่งที่นิยมผ่าตัด
โดยทั่วไปแล้วหลอดสวนชนิดถาวรจะใส่เข้าหลอดเลือดดำใหญ่ที่คอและฝังหลอดสวนไว้ใต้ผิวหนังโดยให้โคนสายมาโผล่บริเวณ หน้าอก หรือบริเวณหัวไหล่ แต่บางกรณีที่หลอดเลือดดำในอกตีบตันอาจใส่ที่ขาหนีบก็ได้
ในที่นี้จะแนะนําการดูแลหลังผ่าตัดใส่หลอดสวนชนิดถาวรที่หน้าอก เป็นหลัก
การให้ยาระงับความรู้สึก
-
โดยปกติผู้ป่วยจะได้รับการฉีดยาชาเฉพาะที่ร่วมกับการให้ยาระงับปวดขณะทำการผ่าตัด จึงจำเป็นต้องงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง
-
การให้ยาระงับปวดกับผู้ป่วยแต่ละรายขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศัลยแพทย์และวิสัญญี
การดูแลหลังผ่าตัด
-
หลังผ่าตัดในระยะสัปดาห์แรกไม่ควรขยับแขนหรือหัวไหล่ด้านนั้นมากเกินไป ควรให้แขนแนบอยู่ข้างลำตัว ไม่ควรกางแขนหรือหมุนแขนไปมา
-
หลังผ่าตัดเสร็จไม่ควรใช้มือข้างที่ผ่าตัดยันพื้นเตียงเพื่อลุกขึ้นนั่งหรือเวลาย้ายเตียงจากเตียงผ่าตัดไปยังเปลเข็นผู้ป่วย
-
หลอดสวนชนิดถาวรควรใช้ฟอกเลือดหลังผ่าตัดอย่างน้อย 24 ชั่วโมง แต่ถ้าจําเป็นจริงๆ ก็สามารถใช้ฟอกเลือดได้เลยแต่ไม่ควรให้ยาป้องกันเลือดแข็งตัว
(เฮปาริน) ขณะฟอกเลือด
-
ระวังอย่าให้แผลหรือหลอดสวนถูกน้ำ แต่ถ้าแผลโดนน้ำควรไปโรงพยาบาลหรือคลินิกเพื่อเปลี่ยนผ้าทำแผลใหม่
-
ทุกๆ ครั้งที่ใช้หลอดสวนฟอกเลือดจะต้องเปิดทำแผลใหม่ทุกครั้ง และต้องตรวจสอบบริเวณที่เป็นทางออกของหลอดสวนด้วยว่ามีการอับเสบหรือไม่
-
ในกรณีที่ใส่หลอดสวนที่ขาหนีบ ไม่ควรงอพับสะโพกและไม่ควรให้อับชื้นจะทำให้มีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย
-
ควรพบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ
ข้อแนะนำในการตัดไหม
-
แผลที่บริเวณทางออกของหลอดสวน (Exit site) มักจะไม่เย็บ แต่ถ้ามีการเย็บควรตัดไหมภายใน 1-2 สัปดาห์ เพราะถ้ามากกว่า 2สัปดาห์ จะมีโอกาสติดเชื้อที่บริเวณนี้สูงมาก
-
แผลที่คอเหนือไหปลาร้าจะเป็นจุดที่แทงหลอดเลือด (Puncture site) ควรตัดไหมหลังผ่าตัด 7-14 วัน
-
ไหมที่บริเวณปีกที่ใช้เย็บตรึงกับผิวหนังควรตัดไหมหลังผ่าตัด
ประมาณ 1-2 เดือน เนื่องจากปลอกหุ้มหลอดสวน (Dacron Cuff) จะยึดติดกับ เนื้อเยื่อรอบๆ ใช้เวลามากกว่า 21 วัน
*หมายเหตุ ในผู้ป่วยบางรายอาจไม่ตัดไหมที่ปีกเลยก็ได้
เมื่อมีกรณีดังต่อไปนี้ควรมาพบแพทย์
-
มีเลือดซึมออกจากแผลที่ผ่าตัดหรือจุดที่เป็นทางออกของหลอดสวนมากผิดปกติ เช่น ไหลออกมากเกินจากพลาสเตอร์ปิดแผล
-
มีอาการบวมที่แขนหรือใบหน้าข้างเดียวกันกับบริเวณผ่าตัด
-
พบเห็นปลอกหุ้มหลอดสวน (Dacron cuff) ลักษณะคล้ายฟองน้ำ ขนาดประมาณครึ่งเซนติเมตรเลื่อนออกมาจากจุดที่เป็นทางออกของหลอดสวน
-
หลอดสวนแตกหักหรือร่วมกับมีเลือดไหล
-
มีไข้ หนาวสั่นโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือขณะฟอกเลือดมีอาการหนาวสั่น
-
มีหนองที่บริเวณปากทางออกของหลอดสวน
-
ผิวหนังที่บริเวณตั้งแต่ทางออกของหลอดสวนถึงบริเวณคอ มีอาการปวด บวม แดงร้อน
-
หลอดสวนด้านใดด้านหนึ่งหรือทั้งสองด้านใช้ฟอกเลือดไม่ได้ โดยดูดเลือดไม่ออกหรือออกยากหรืออัตราการไหลของเลือด เข้าเครื่องไตเทียมน้อยเกินไป